7  สมการเชิงอนุพันธ์เบื้องต้นและการประยุกต์ในทางเศรษฐศาสตร์

Modified

6 พฤษภาคม 2568

ข้อจำกัด

เนื่องจากในบทนี้ชุดคำสั่งของ caracas ยังไม่ลองรับการใช้งานสำหรับสมการเชิงอนุพันธ์โดยตรง ทำให้จำเป็นต้องใช้การคำนวณด้วยชุดคำสั่งของ SymPy โดยตรงจากภาษาไพธอน แต่ผู้เขียนจะใช้วิธีทำงานบนพื้นฐานของอาร์อยู่ เพื่อคงไว้ซึ่งชื่อของหนังสือคือ คณิตศาสตร์สำหรับนักเศรษฐศาสร์ด้วยอาร์

การที่นักเศรษฐศาสตร์ต้องศึกษาสมการเชิงอนุพันธ์ (Ordinary Differential Equations: ODEs) เป็นเรื่องที่ สำคัญมาก โดยเฉพาะในสายงานเศรษฐศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับ พลวัตของระบบ (dynamic systems) เช่น การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ, พฤติกรรมการบริโภคในระยะเวลา, หรือแม้แต่การเงินระหว่างประเทศ

7.1 ทำไมนักเศรษฐศาสตร์ต้องศึกษาสมการเชิงอนุพันธ์?

  1. เพื่อเข้าใจพลวัตของระบบเศรษฐกิจ เศรษฐกิจเป็นระบบที่เปลี่ยนแปลงตามเวลา เช่น GDP, เงินเฟ้อ, การลงทุน ฯลฯ สมการ ODE ช่วยอธิบายว่า “ตัวแปรหนึ่งเปลี่ยนแปลงตามเวลาอย่างไร” เช่น Solow growth model: การเปลี่ยนแปลงของทุน K dK(t)dt=sY(t)δK(t)

  2. ใช้สร้างแบบจำลองเศรษฐศาสตร์จุลภาคและมหภาค

    • Consumption models เช่น Ramsey–Cass–Koopmans model ใช้ ODE อธิบายการบริโภคระยะยาว

    • IS-LM dynamic model ใช้ ODE แสดงการปรับตัวของตลาดเงินและตลาดสินค้า

    • Overlapping Generation Model (OLG) อาศัย ODE เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมของรุ่นประชากรในอนาคต

  3. ใช้ในเศรษฐศาสตร์การเงิน (Financial Economics)

    • การกำหนดราคาสินทรัพย์ (เช่น bond, stock)

    • Black-Scholes Equation เป็นสมการเชิงอนุพันธ์บางส่วน (PDE) ที่มีรากฐานจาก ODE

    • Interest Rate Models เช่น Vasicek model

  4. เข้าใจพฤติกรรมสมดุลและเสถียรภาพ

    • การวิเคราะห์จุดสมดุล (steady state)

    • การดูว่าเศรษฐกิจมีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะสมดุดลหรือไม่ โดยใช้ eigenvalue analysis จากระบบ ODE

7.1.1 ตัวอย่างสมการที่นักเศรษฐศาสตร์ควรรู้

แบบจำลอง รูปแบบสมการ คำอธิบาย
Solow Model dkdt=sf(k)δk การเติบโตของทุนต่อหัว
Ramsey Model dcdt=1θ(f(k)ρδ)c พฤติกรรมบริโภคที่เหมาะสม
IS-LM dynamic dYdt=α(C(Y)+I(r)+GY) การปรับตัวของรายได้
Predator-Prey (ในเศรษฐกิจพลังงาน/สิ่งแวดล้อม) dxdt=axbxy,dydt=cy+dxy ทรัพยากร vs การบริโภค

7.2 สมการเชิงอนุพันธ์ (Ordinary Differential Equation: ODE)

สมการเชิงอนุพันธ์ คือสมการที่เกี่ยวข้องกับฟังก์ชัน y(t) และอนุพันธ์ของมัน (เช่น dydt, d2ydt2, ฯลฯ)

นิยามของสมการเชิงอนุพันธ์

สมการที่มีลักษณะทั่วไป: F(t,y,dydt,d2ydt2,,dnydtn)=0 โดยที่ y=y(t) คือฟังก์ชันที่ไม่ทราบล่วงหน้า (unknown function) และ t คือตัวแปรอิสระ เช่นเวลา

ประเภทของสมการเชิงอนุพันธ์

  1. ตามลำดับอนุพันธ์

    • อันดับหนึ่ง (First order): dydt=f(t,y)

    • อันดับสองขึ้นไป (Higher-order): d2ydt2+p(t)dydt+q(t)y=g(t)

  2. ตามลักษณะ

    • เชิงเส้น (Linear): ไม่มี y2, ydydt, ฯลฯ

    • ไม่เชิงเส้น (Nonlinear): มีผลคูณหรือกำลังของ y และอนุพันธ์

การแก้สมการเชิงอนุพันธ์

เป้าหมายคือ: หา ฟังก์ชัน y(t) ที่เป็นคำตอบของสมการนั้น

ตัวอย่าง:
dydt=3y

วิธีแก้:

  1. แยกตัวแปร (Separation of Variables): 1ydy=3dt
  2. อินทิเกรตทั้งสองข้าง: ln|y|=3t+C
  3. ยกกำลัง: y=Ce3t

คำตอบทั่วไป (General Solution): ฟังก์ชันที่ขึ้นกับค่าคงที่ C

คำตอบเฉพาะ (Particular Solution): เมื่อกำหนดเงื่อนไขเริ่มต้น เช่น y(0)=2 แล้วแทนหา C

7.3 การแก้สมการเชิงอนุพันธ์ด้วย caracas และ SymPy

แม้ caracas จะไม่สามารถแก้ ODE ได้โดยตรงเหมือนใน SymPy (Python) แต่เราสามารถใช้ caracas ร่วมกับ reticulate เพื่อเรียก SymPy มาใช้งานได้เต็มรูปแบบในอาร์

ขั้นตอนการใช้งานและตัวอย่าง
# 1. เรียกใช้านชุดคำสั่งที่จำเป็น
library(reticulate)
# 2. นำเข้า SymPy
sympy <- import("sympy")

สมมุติเราจะแก้สมการ
dydt=ky 3. นิยามตัวแปรและฟังก์ชัน

t <- sympy$symbols("t")
k <- sympy$Symbol("k")
y <- sympy$Function("y")
  1. สร้างสมการเชิงอนุพันธ์
ode <- sympy$Eq(sympy$diff(y(t), t), k * y(t))
ode
Eq(Derivative(y(t), t), k*y(t))
  1. แก้สมการเชิงอนุพันธ์
sol <- sympy$dsolve(ode)
sol
Eq(y(t), C1*exp(k*t))

ปัญหา ผลลัพธ์ที่ออกอยู่ในรูปการคำนวณด้วยโปรแกรม แต่ก็ยังสามารถอ่านเข้าใจได้ แต่สำหรับการเขียนรายงานแล้ว จำเป็นต้องเปลี่ยนผลลัพธ์ให้อยู่ในรูปสมการที่สวยงาน จึงสร้างฟังก์ชัน latex_render() ขึ้นมาเพื่อเปลี่ยนผลลัพธ์เป็นภาษา

latex_render <- function(sympy_expr, use_rhs = TRUE) {
  sympy <- import("sympy")

  # ถ้าเป็น Eq ให้เลือก rhs หรือทั้งสมการ
  if ("Eq" %in% class(sympy_expr) && use_rhs) {
    latex_str <- sympy$latex(sympy_expr$rhs)
  } else {
    latex_str <- sympy$latex(sympy_expr)
  }

  cat("$$", latex_str, "$$\n")
}

วิธีการใช้งาน จะต้อง กำหนด chuck code ในรูปแบบนี้

```{r}
#| results='asis'
latex_render(sol)
```

ผลลัพธ์ในรายจะออกมาเป็นสมการสวยงามแบบนี้

y(t)=C1ekt

เพิ่มเติม: การกำหนดเงื่อนไขเริ่มต้น (Initial Conditions) เช่น กำหนดว่า y(0)=y0 สามารทำได้โดยใช้ฟังก์ชัน dic() ช่วยดังนี้

# สร้าง initial condition: y(0) = y0
ics <- dict()
ics[[y(0L)]] <- sympy$Symbol("y0")
ics
{y(0): y0}
# แก้ ODE พร้อมเงื่อนไขเริ่มต้น
sol2 <- sympy$dsolve(ode, ics = ics)
sol2
Eq(y(t), y0*exp(k*t))

เราสามารถสร้างฟังก์ชัน สำหรับกำหนดเงื่อนไขได้ ดังนี้

make_ics <- function(ics_list, funcname = "y", sympy = import("sympy")) {
  ics_dict <- reticulate::dict()
  
  for (name in names(ics_list)) {
    # แยกชื่อ เช่น "y(0)" $\rightarrow$ 0
    matches <- regmatches(name, regexec(paste0(funcname, "\\(([^)]+)\\)"), name))[[1]]
    if (length(matches) != 2) {
      stop("Initial condition key format must be like: y(0), y(1), etc.")
    }
    
    t_val <- as.numeric(matches[2])  # เวลา เช่น 0
    f_t <- sympy$Function(funcname)
    ics_dict[[f_t(t_val)]] <- sympy$Symbol(ics_list[[name]])
  }
  
  return(ics_dict)
}

วิธีการใช้งาน

ics <- make_ics(list("y(0)" = "y0"))
ics
{y(0.0): y0}

จะแก้สมการเชิงอนุพันธ์พร้อมเงื่อนไข เริ่มต้นได้

# แก้ ODE พร้อมเงื่อนไขเริ่มต้น
sol2 <- sympy$dsolve(ode, ics = ics)
sol2
Eq(y(t), y0*exp(k*t))

การใช้ SymPy ด้วยอาร์มีความยุ่งยากเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ดังนั้นในเนื้อหา ODE มีหมายถึงฟังก์ชัน ที่จะถูกใช้งานบ่อยๆ เราสามารถเปลี่ยนเป็นฟังก์ชัน ที่ช่วยให้เขียนได้สั้น และกระชับลงได้มาก ดังนี้

7.4 ฟังก์ชันที่ใช้บ่อยในการแก้ ODE ด้วย sympy:

  1. symbols() – กำหนดตัวแปร

  2. Function() – สร้างฟังก์ชัน y(t)

  3. diff() – หาอนุพันธ์

  4. Eq() – นิยามสมการ

  5. dsolve() – แก้สมการเชิงอนุพันธ์

7.5 การสร้างฟังก์ชันในอาร์เพื่อใช้ SymPy แก้สมการเชิงอนุพันธ์

# โหลด SymPy
library(reticulate)
sympy <- import("sympy")
# กำหนด helper ฟังก์ชัน
# สร้างตัวแปร
syms   <- sympy$symbols
# สร้างฟังก์ชัน
func   <- sympy$Function
# หาอนุพันธ์
diff_  <- sympy$diff
# สร้างสมการ
Eq     <- sympy$Eq
# แก้สมการเชิงอนุพันธ์
dsolve <- sympy$dsolve

ตัวอย่างการใช้งาน:

  1. ไม่มีเงื่อนไขเริ่มต้น:
t <- syms("t")
k <- syms("k")
y <- func("y")
ode <- Eq(diff_(y(t),t), k*y(t))
ode
Eq(Derivative(y(t), t), k*y(t))
dsolve(ode)
Eq(y(t), C1*exp(k*t))
  1. มีเงื่อนไขเริ่มต้น y(0)=y0:
ics <- make_ics(list("y(0)" = "y0"))
dsolve(ode, ics = ics)
Eq(y(t), y0*exp(k*t))

7.6 ตัวอย่างสมการเชิงอนุพันธ์ในทางเศรษฐศาสตร์

7.6.1 Consumption Growth Equation (Euler Equation)

แบบจำลองคือ

dCdt=1θ(rρ)C, θ,ρ,r>0 มาจากทฤษฎี Ramsey–Cass–Koopmans Model
ใช้วิเคราะห์การเติบโตของการบริโภค c(t) ตามอัตราดอกเบี้ย r, ความชอบของผู้บริโภค θ, และ discount rate ρ

จุดเด่น

  • เป็นสมการ อันดับหนึ่ง และ แยกตัวแปรได้ (separable)

  • คำตอบคือ exponential function:

C(t)=C1e(rρ)θt

วิธีทำ ใช้ SymPy ในการหาคำตอบ

# สร้างตัวแปร
t <- syms("t")
theta <- syms("theta", positive = TRUE)
r <- syms("r", positive = TRUE)
rho <- syms("rho", positive = TRUE) 
# สร้างฟังก์ชัน
C <- func("C") # ห้ามตั้งชื่อด้วย c เพราะจะไปตรงกับ c( ) ของ R
ode <- Eq(sympy$diff(C(t), t), (r - rho) * C(t)/theta)
ode
Eq(Derivative(C(t), t), (r - rho)*C(t)/theta)

จัดเป็นสมการให้สวยงาม

latex_render(ode)

ddtC(t)=(rρ)C(t)θ

dsolve(ode)
Eq(C(t), C1*exp(t*(r - rho)/theta))
  1. มีเงื่อนไขเริ่มต้น C(0)=C0:
ics <- make_ics(list("C(0)" = "C0"), funcname = "C")
latex_render(dsolve(ode, ics = ics))

C(t)=C0et(rρ)θ

7.6.2 Solow Growth Equation (Capital Accumulation)

แบบจำลองคือ

dkdt=skαδk

จาก Solow-Swan Model ซึ่งอธิบายการเติบโตของทุนต่อหัวในระยะยาว
s คืออัตราการออม, δ คืออัตราการเสื่อม, α(0,1) คือผลผลิตส่วนเพิ่มของทุน

จุดเด่น:

  • ถ้า α=1 สมการกลายเป็น linear ODE

  • ใช้เพื่อแสดง steady-state (เมื่อ dkdt=0)

วิธีทำ ใช้ SymPy ในการหาคำตอบ

# สร้างตัวแปร
s <- syms("s", positive = TRUE)
delta <- syms("delta", positive = TRUE)
alpha <- syms("alpha", positive = TRUE)

# สร้างฟังก์ชัน
k <- func("k") 
rhs <- s*k(t)^alpha-delta*k(t)
ode <- Eq(sympy$diff(k(t), t), rhs)
ode
Eq(Derivative(k(t), t), -delta*k(t) + s*k(t)**alpha)

จัดเป็นสมการให้สวยงาม

latex_render(ode)

ddtk(t)=δk(t)+skα(t)

ถ้าไม่กำหนดค่า α เท่ากับค่าเป็นตัวเลขในช่วง (0,1) จะไม่สามารถแก้สมการ ดังนั้น สมมุติให้ α=0.5 จะได้

# แทนค่า theta = 0.5
ode_sub <- ode$subs(alpha, 0.5)
ode_sub
Eq(Derivative(k(t), t), -delta*k(t) + s*k(t)**0.5)
latex_render(dsolve(ode_sub))

k(t)=eδ(C1t)+2seδ(C1t)2δ+s2δ2

7.6.3 Price Adjustment Model (Adaptive Expectations)

แบบจำลอง:

dpdt=λ(pep)

คือ แบบจำลองการปรับตัวของราคา (Price Adjustment Model) ภายใต้ ความคาดหวังแบบปรับตัว (Adaptive Expectations) ซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลายในเศรษฐศาสตร์มหภาค โดยเฉพาะในการอธิบายการปรับราคาหรือค่าจ้างเมื่อผู้ผลิตหรือแรงงานยังไม่ทราบราคาที่ดุลยภาพแน่ชัด

ความหมายของแต่ละสัญลักษณ์

สัญลักษณ์ ความหมาย
p(t) ราคาจริง (actual price) ณ เวลา t
pe(t) ราคาที่คาดการณ์ไว้ (expected price)
λ>0 ความเร็วในการปรับราคา (speed of adjustment)
dpdt อัตราการเปลี่ยนแปลงของราคา

คำอธิบายแบบจำลอง:

  • ถ้า pe>p: ผู้ผลิตคาดว่าราคาจะสูงกว่าราคาจริง ราคาจะปรับเพิ่มขึ้น
  • ถ้า pe<p: ราคาจะปรับลดลง
  • ยิ่ง λ ใหญ่ ราคาปรับเร็ว
  • เมื่อ ppe dpdt0 ราคาคงที่

ถ้า pe เป็น ค่าคงที่ เป็น ODE ที่มีคำตอบทั่วไป:

p(t)=pe+(p0pe)eλt

โดยที่ p0=p(0) คือราคาตั้งต้น

วิธีทำ ใช้ SymPy ในการหาคำตอบ และกำหนด pe คือค่าคงที่โดยใช้ pe แทน

# สร้างตัวแปร
t <- syms("t")
lambda <- syms("lambda_", positive = TRUE)
pe <- syms("p_e", positive = TRUE)
# สร้างฟังก์ชัน
p <- func("p")
ode <- Eq(sympy$diff(p(t), t), lambda*(pe-p(t)))
latex_render(ode)

ddtp(t)=λ(pep(t))

แก้สมการ

latex_render(dsolve(ode))

p(t)=C1eλt+pe

  1. มีเงื่อนไขเริ่มต้น p(0)=p0:
ics <- make_ics(list("p(0)" = "p0"), funcname = "p")
latex_render(dsolve(ode, ics = ics))

p(t)=pe+(p0pe)eλt

7.6.4 Exponential Capital Depreciation

แบบจำลอง

dKdt=δK คือแบบจำลองการ เสื่อมราคาของทุน (Exponential Capital Depreciation Model)
โดยสมมติว่า ทุน (Capital stock) ลดลงต่อเนื่องตามอัตราส่วนคงที่ของปริมาณทุนเอง

คำอธิบายสัญลักษณ์

สัญลักษณ์ ความหมาย
K(t) ปริมาณทุน (capital stock) ณ เวลา t
δ>0 อัตราการเสื่อมราคา (depreciation rate)
dKdt อัตราการเปลี่ยนแปลงของทุนตามเวลา

ความหมายของสมการ

  • แบบจำลองนี้ สมมติว่า ทุนลดลงตามสัดส่วนของทุนที่มีอยู่

  • เป็นระบบ เสื่อมราคาลักษณะเอ็กซ์โพเนนเชียล (exponential decay) เช่นเดียวกับการสลายตัวของสารกัมมันตรังสี หรือประชากรที่ลดลงโดยไม่มีการเกิดใหม่

วิธีทำ ใช้ SymPy ในการหาคำตอบ

# สร้างตัวแปร
t <- syms("t")
delta <- syms("delta", positive = TRUE)
# สร้างฟังก์ชัน
K <- func("K")
ode <- Eq(sympy$diff(K(t), t), -delta*K(t))
latex_render(ode)

ddtK(t)=δK(t)

แก้สมการ

latex_render(dsolve(ode))

K(t)=C1eδt

  1. มีเงื่อนไขเริ่มต้น K(0)=K0:
ics <- make_ics(list("K(0)" = "K0"), funcname = "K")
latex_render(dsolve(ode, ics = ics))

K(t)=K0eδt

พฤติกรรม:

  • เมื่อ t, K(t)0

  • ยิ่ง δ มาก ทุนลดเร็ว

  • ใช้ในโมเดลการเจริญเติบโต (Growth Models) เช่น Solow, Ramsey เพื่อคำนวณทุนสุทธิ:
    dKdt=I(t)δK(t) โดย I(t) คือการลงทุน

  • แบบจำลองนี้แสดงให้เห็นว่าหากไม่มีการลงทุนเพิ่ม ทุนจะลดลงตามเวลาอย่างต่อเนื่อง

  • ใช้ได้ทั้งกับทุนกายภาพ (เครื่องจักร อาคาร) และทุนมนุษย์ (ในบางบริบท)

7.6.5 Solow Growth Model (simplified)

แบบจำลองคือ:

dkdt=skαδk,s,δ>0, α(0,1) คือรูปแบบ Solow Growth Model แบบง่ายที่สุด (simplified) ภายใต้การเปลี่ยนแปลงของทุนต่อหัว (capital per worker) โดยไม่มีการเจริญเติบโตของประชากรหรือเทคโนโลยี

คำอธิบายของแต่ละพารามิเตอร์:

สัญลักษณ์ ความหมาย
k(t) ทุนต่อแรงงาน (capital per worker) ณ เวลา t
dkdt อัตราการเปลี่ยนแปลงของทุนต่อแรงงาน
s อัตราการออม (saving rate)
δ อัตราการเสื่อมราคา (depreciation rate)
α(0,1) ผลตอบแทนต่อขนาดของทุน (capital share) จากฟังก์ชัน Cobb-Douglas y=kα

ความหมายของสมการ:

  • แสดงการสะสมทุนในระบบเศรษฐกิจหนึ่ง ๆ

  • ทุนเพิ่มขึ้นจากการออม: skα

  • ทุนลดลงจากการเสื่อม: δk

  • เป็นแบบจำลองพื้นฐานในเศรษฐศาสตร์การเจริญเติบโต

วิธีทำ ใช้ SymPy ในการหาคำตอบ แต่ถ้ามีค่าของตัวแปรที่ไม่ทราบค่ามากเกินไปอาจจะไม่ได้คำตอบ หรือเกิดข้อผิดพลาดได้ กำหนดให้ α=0.5

# ตัวแปร
s <- syms("s", positive = TRUE)
delta <- syms("delta", positive = TRUE)
t <- syms("t")
# ฟังก์ชัน
K <- func("K")
# สร้างสมการ
ode <- Eq(diff_(K(t),t),s * K(t)^0.5 - delta * K(t))
latex_render(ode)

ddtK(t)=δK(t)+sK0.5(t)

แก้สมการ

latex_render(dsolve(ode))

K(t)=eδ(C1t)+2seδ(C1t)2δ+s2δ2

7.7 แบบฝึกหัดสมการเชิงอนุพันธ์ในเศรษฐศาสตร์

7.7.1 สมการเชิงอนุพันธ์พื้นฐาน (Basic ODEs)

  1. แก้สมการเชิงอนุพันธ์ dydt=4y โดยกำหนดเงื่อนไขเริ่มต้น y(0)=2

  2. จงหา general solution ของ dKdt=sYδK, เมื่อ Y=K0.5

  3. ให้ dPdt=aP(1PK), logistic model จงหา solution ทั่วไปของสมการนี้

  4. จงแก้สมการ dCdt=rCθ แล้วหาค่า C(t) เมื่อ C(0)=5

  5. แก้ dydt=ky(1y) แล้ววิเคราะห์พฤติกรรมของ y(t) เมื่อ t

7.7.2 ระบบสมการเชิงอนุพันธ์ 2 ตัวแปร

  1. พิจารณาระบบ {dxdt=2x+3ydydt=xy จงหาจุดดุลยภาพและตรวจสอบเสถียรภาพ

  2. จงหาค่า eigenvalue ของระบบ ddt[KL]=[1214][KL]

  3. พิจารณาระบบ {dAdt=A(1B)dBdt=B(A1)

จงหาเส้นเสถียร (nullclines)

  1. เขียน flow field ของระบบ dxdt=x(3xy),dydt=y(2xy)

  2. ระบบการเปลี่ยนผ่านทุน-แรงงาน: dKdt=sK0.5L0.5δK,dLdt=nL จงเขียนสมการ normalized ด้วย k=KL

7.7.3 แบบจำลองพลวัตทางเศรษฐศาสตร์

  1. พิจารณา IS curve แบบพลวัต: dYdt=α(C+I+GY) เมื่อ C=cY, I=I0, G คงที่ จงหาสมการ dYdt ที่เป็นรูปชัดเจน

  2. แบบจำลอง Solow: dkdt=sf(k)(δ+n)k เมื่อ f(k)=k1/2, s=0.2, δ=0.05, n=0.02 จงวาดกราฟ dkdt เทียบกับ k

  3. ในโมเดล Ramsey, สมการของ dcdt=1θ(rρ)c ให้ c(0)=10, r=0.05, ρ=0.03, θ=2 จงหา c(t)

  4. โมเดลการแพร่ระบาด: dSdt=βSI,dIdt=βSIγI จงหาเส้น Nullcline และจุดสมดุล

  5. พิจารณาระบบราคาสินค้า: dpdt=λ(pep),dpedt=γ(ppe) จงเขียนระบบให้อยู่ในรูปเมทริกซ์ และหาค่า eigenvalues

7.7.4 แบบฝึกหัดเพิ่มโจทย์เชิงเศรษฐศาสตร์

  1. ถ้าอัตราการเปลี่ยนแปลงของการออมคือ dsdt=α(YCG) โดย C=cY, G คงที่ จงแสดงสมการ dsdt ในรูปของ Y

  2. แบบจำลองการบริโภคมีพฤติกรรมแบบปรับตัว dCdt=λ(YC), λ>0 จงแก้ C(t) เมื่อ C(0)=50, Y=100

  3. แบบจำลองจ้างงาน: dNdt=η(NdN) เมื่อ Nd=abW จงแทนสมการให้เหลือเพียง N และ W

  4. สมการการเติบโตของอุตสาหกรรม dIdt=I(fλA) ให้ A=A0ert จงแทนค่าลงในสมการ dIdt

  5. โมเดลการสะสมทุนแบบมีความหน่วง: dKdt=sY(tτ)δK(t) จงตั้งคำถามเกี่ยวกับ stability ของระบบนี้ (ไม่ต้องแก้)